เครื่องมือของ Google สำหรับ Digital Content ควรมี
ตั้งหลักออนไลน์ แนะนำเครื่องมือทำการตลาดของ Google สำหรับคนที่ทำ Digital Content ควรต้องมี
Google Trend
เป็นเครื่องมือในช่วงการตรวจสอบสำหรับคีย์เวิร์ด เป้าหมายก็เพื่อการค้นหาว่า ช่วงเวลานี้ มีคีย์เวิร์ดอะไรบ้างที่กำลังเป็นกระแส แต่ก็ไม่ได้แปลว่า คีย์เวิร์ดที่เป็นกระแสแล้วจะอยู่ยืนนานหรือเหมาะกับตัวเราเสมอไป ต้องประเมินความเสี่ยงและการแข่งขันด้วยครับ เพราะการเป็นกระแสหรือเป็นเทรนด์ในเวลานั้น ย่อมหมายถึงการแข่งขันที่รุนแรงไปด้วย ซึ่งเราก็ต้องประเมินด้วยว่า สินค้าที่เราต้องการเป็นขาขึ้นหรือขาลง หรือว่าเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่จริงแท้แค่ไหน โดยปกติแล้ว ข้อมูลจาก Google Trend จะเป็นตัวชี้วัดที่ดีได้ระดับหนึ่งเลยว่า “เราควรทำธุรกิจออนไลน์อะไร” หรือ “ควรปรับเปลี่ยนมาธุรกิจตัวไหนแทน” ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังขายผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ประเภทกินแล้วขาว ปรากฏว่าเวลานี้กระแสไม่ใช่กินอะไรแล้วขาว หรือมีคู่แข่งมาก ที่อาจจะมีสินค้าเป็นกระแสมากกว่า หรือเห็นผลมากกว่า ถ้าเช่นนั้นก็ต้องปรับเปลี่ยนครับ
Google Keyword Planner
เครื่องมือสำคัญมากที่ใช้ประเมินว่า คีย์เวิร์ด ที่เราต้องการค้นหา หรือคีย์เวิร์ดที่เราเลือกนั้น มีจำนวนการค้นหาในแต่ละเดือนมากน้อยขนาดไหน โดยส่วนใหญ่ที่ใช้งานกัน ก็ยังมีเป้าหมายอีกข้อคือ เพื่อค้นหาว่า จะมีคีย์เวิร์ดตัวไหนบ้างที่จะเป็นโอกาสให้เราได้ปั้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้เราสร้างธุรกิจ หรือทำ SEO แล้วเพิ่มอันดับของเว็บเราบน Google ได้นั่นเอง ตัวอย่างเช่น ค้นหาคีย์เวิร์ด เวย์โปรตีน พบว่ามีคนค้นหาข้อมูลเยอะในแต่ละเดือน ก็แปลว่าโอกาสของเราก็มากไปด้วย
Google Adwords
เป็นอีกเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ ซึ่งใช้สำหรับโฆษณา เพื่อกระตุ้นให้เว็บไซต์ของเราขึ้นมาอยู่หน้าแรกได้ทันที เป็นการช่วยให้คนอื่นได้มองเห็นสินค้าหรือบริการของเราได้รวดเร็วที่สุด ข้อดีคือ เราไม่ต้องเสียเวลาทำให้ติดอันดับใน Google ด้วยตนเอง และก็ไม่ต้องใช้ SEO มากนักด้วย และเหมาะสำหรับสินค้าประเภทที่มีการแข่งขันรุนแรง เพราะถ้าใช้เวลานานกว่าจะดันเว็บไซต์หรือเพจขึ้นมา อาจจะไม่คุ้มทุนแต่ก็มีข้อด้อยคือ ต้องมีค่าใช้จ่าย “ค่อนข้างสูง” โดยเฉพาะสินค้าหรือบริการที่มีการแข่งขันสูง การแข่งขันกำลังจะกลายเป็นแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กไปทุกขณะ ดังนั้นการยิงโฆษณาของ Google Adwords ก็จำเป็นต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่จะยิงไปถึงด้วยเช่นกันว่า ตรงกลุ่มอายุ เพศ หรือช่วงเวลาหรือไม่
Google Analytics
เป็นเครื่องมือสำหรับดูข้อมูลของผู้ที่เข้ามาหน้าร้านของเราข้อดีของเครื่องมือนี้คือ ให้รายละเอียดค่อนข้างมาก เช่น จำนวนผู้ที่เข้ามาชม เข้ามาจากที่ไหนบ้าง แล้วใช้เวลาดูแต่ละหน้านานแค่ไหน กี่นาที และออกไปลิ้งก์ไหนต่อ การมีข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้ชนิดวันต่อวัน หรือเดือนต่อเดือน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ตัวอย่างเช่น เรายิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนในภาคใต้ เพื่อหวังจะขยายฐานตลาด แต่ถ้าหากว่าจำนวนคนที่เข้ามาดูนั้นมีภาคใต้น้อย ก็แสดงว่าต้องมีปัญหาบางอย่างในการยิงโฆษณาแล้ว ก็จะช่วยให้เราแก้ปัญหาได้ทัน
Google Webmaster Tools
เป็นเครื่องมือตั้งเพื่อให้ Google สามารถเข้าถึงและช่วยในการติดอันดับ แล้วยังมีประโยชน์คือ เราสามารถใช้ตรวจสอบข้อผิดพลาด รวมถึงเข้ามาดูได้ว่า คีย์เวิร์ดของเราอยู่อันดับที่เท่าไรบน Google Ranking ในเวลานี้แล้ว
===============================================
สามารถติดตามเรา PSO ( Passive Selling Online ) ได้หลายช่องทางดังนี้
Facebook Page: passivesellingonline
LINE: @psocourse (อย่าลืมใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)