เปรียบเทียบ Amazon vs Facebook ข้อดีข้อเสีย ใช้แบบไหนดีกว่า

เปรียบเทียบ Amazon vs Facebook ข้อดีข้อเสีย ใช้แบบไหนดีกว่า

เปรียบเทียบ Amazon vs Facebook ข้อดีข้อเสีย ใช้แบบไหนดีกว่า

 

Amazon vs Facebook เปรียบเทียบ ข้อดีข้อเสีย ว่าใช้แบบไหนดีกว่ากัน ที่จริงแล้วทั้งสองแพลทฟอร์มต่างก็มีความสำคัญกับการทำตลาดและขายสินค้าออนไลน์ และเป็นแพลทฟอร์มยอดนิยมในระดับโลกด้วยทั้งคู่

แต่ในยุคนี้ การแข่งขันการทำตลาดออนไลน์ เกิดขึ้นทั่วโลก ในประเทศไทยเองก็ไม่ง่าย เพราะทุกคนปรับตัวมาทำออนไลน์กันหมด คำถามคือ แล้วเราควรใช้ช่องทางไหนดี วันนี้เรานำข้อดีและข้อด้อยมาให้เห็นกัน ลองดูกันเลยครับ

 

1. Amazon

ข้อดี

  • เป็นเว็บไซต์แพลทฟอร์ม E-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
  • ขายสินค้าไปหลายประเทศทั่วโลก
  • ทุกวันมีผู้ใช้งานเข้ามาจากทั่วโลก
  • สินค้ามีให้เลือกมาก หลายประเภท
  • มียอดสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากทุกวัน
  • การสมัครเป็นผู้ขายมีความเข้มงวด ทำให้ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือสูง
  • ไม่ได้เป็นโซเชียลมีเดีย จึงไม่ได้มีคอนเทนต์สแปมให้รก
  • มีระบบขนส่งสินค้าที่ดี และรวดเร็ว ไปทั่วโลก
  • คนที่เข้ามาใน Amazon ตั้งใจเข้ามาค้นหาข้อมูลและราคาสินค้า
  • มีสินค้าบางประเภทที่เราสามารถทำขายได้ใน Amazon โดยไม่ต้องสต็อก ไม่ต้องลงทุน
  • มีเชื่อมโยงการค้นหากับ Search Engine
  • แนวโน้มที่หากคนต้องการค้นหาสินค้ามักค้นหาจาก Amazon โดยตรงมากกว่า Search Engine

 

ข้อด้อย

  • ต้องมีสินค้าที่ชัดเจนก่อนจะขอสมัครเป็นผู้ขาย
  • ขั้นตอนการสมัครและกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัด 
  • ถ้าทำผิดกฎแล้วถูกแบนบัญชีค่อนข้างเสียหายมาก
  • Amazon มีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดของผู้ขายเป็นระยะ
  • มีค่าบริการในการเป็นผู้ขาย 
  • การแข่งขันของสินค้าบางประเภทค่อนข้างสูง
  • ถ้าต้องการทำตลาด ทำไวรัลได้ค่อนข้างยาก

 

2.Facebook 

ข้อดี

  • เป็นโซเชียลมีเดียที่ใช้งานง่ายมาก ได้รับความนิยมทั่วโลก
  • การเปิดเพจหรือหน้าร้านเพื่อขายสินค้าไม่มีค่าใช้จ่าย 
  • เหมาะกับการทดลองตลาด
  • เหมาะกับสินค้าบางประเภท เช่น อาหาร ของกิน เครื่องดื่ม เสื้อผ้า กระเป๋า อุปกรณ์ต่างๆ และของที่หาได้ทั่วไป
  • Live Stream บน Facebook กำลังได้รับความนิยมมาก
  • เหมาะกับการขายสินค้าที่ต้องใช้ Influencer
  • เป็นโซเชียลมีเดียที่คนใช้งานมักฟีดหน้าจอกันตลอดเวลา มีโอกาสทำให้คนเห็นได้ทันที
  • นำเสนอคอนเทนต์ได้ง่าย
  • ทำให้คอนเทนต์ของหน้าเพจกลายเป็นไวรัลหรือติดเทรนด์ได้ง่าย

 

ข้อด้อย

  • เป็นโซเชียลมีเดีย จึงมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก ไม่เหมือนเว็บ E-commerce
  • เพจเพื่อการตลาดและขายสินค้า มีการแข่งขันสูงมาก 
  • เพจขายสินค้ามักถูกปิดกั้นการมองเห็น 
  • ถ้าต้องการขายสินค้าจำเป็นต้องเสียค่าโฆษณา และไม่การันตีผลหรือยอดขายเท่าไร
  • มีการปรับเปลี่ยนระบบอยู่ตลอด
  • บัญชีหรือเพจมักถูกปิดได้เสมอหากทำผิดกฎหรือถูกรายงาน
  • มีคอนเทนต์สแปมจำนวนมาก
  • ขายสินค้าไปต่างประเทศได้ยาก
  • เชื่อมโยงการค้นหากับ Search Engine ได้ยากกว่าเว็บไซต์
  • ไม่มีระบบขนส่งสินค้าของตัวเอง

 

จะเห็นว่า ทั้งสองแพลลฟอร์มล้วนมีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าสินค้าของเราคืออะไร ประเภทไหน เพิ่งเริ่มทำตลาดหรือทำมานานแล้ว หรือมีเป้าหมายทางการตลาดแบบใด และต้องการเน้นที่กลุ่มเป้าหมายในไทยหรือต่างประเทศ ไปจนถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆ 

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากเปิดโลกของ Amazon.com เพื่อตีตลาดสินค้าไทยไปต่างประเทศ แก้ปัญหาการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ สามารถติดต่อเข้ามาทาง PSO ได้เลยครับ 




 

===============================================

ในยุคนี้ คนหันมาจับจ่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น

สนใจเพิ่มยอดขายสินค้าของคุณผ่านช่องทางการขายของบนตลาดค้าปลีออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!

สนใจศึกษาข้อมูลการขายสินค้าบน website amazon แบบเจาะลึก คลิกเลย

สามารถติดตามเรา PSO ( Passive Selling Online ) ได้หลายช่องทางดังนี้
Facebook Page: passivesellingonline
LINE: @psocourse (อย่าลืมใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)

สามารถติดตามเรา PSO ( Passive Selling Online ) ได้หลายช่องทางดังนี้
Facebook Page: passivesellingonline
LINE: @psocourse (อย่าลืมใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)

แบ่งปันเพื่อนของคุณ :

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn