เว็บไซต์จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจบนออนไลน์
ตั้งหลักออนไลน์ ขออัพเดทเรื่องของการทำเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะเวลานี้กำลังมาแรงและเป็นเทรนด์ใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย ซึ่งต้องยอมรับว่าเครือ Alibaba ของจีน มีส่วนอย่างมากในการผลักดันอีคอมเมิร์ซให้เข้ามาสู่อาเซียน โดยมีช่องทางหลักอย่าง Lazada เป็นหัวหอกเข้ามา รวมถึงเว็บในเครือยอดนิยมในจีนอย่าง Taobao Tmall และคู่แข่งอย่าง JD.com ที่เข้ามาจับมือกับเครือเซ็นทรัลด้วย งานนี้เลยเรียกว่า เริ่มเข้าสู่ยุคที่นายทุนใหญ่เข้าครองตลาดนี้ และจะมีผลทำให้การขายของออนไลน์แบบเดิมที่เคยทำกันบนเพจ Facebook อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเพราะการแข่งขันที่รุนแรง หรือการแข่งขันโฆษณาและลดราคาอย่างหนัก แล้วสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย จะแก้ปัญหาอย่างไรดี หนึ่งในทางออกที่สำคัญ ก็คือ ควรมีเว็บไซต์ เป็นของตัวเองครับ หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีหน้าร้านของตัวเอง มากกว่าจะยึดติดกับแพลตฟอร์มใดเพียงช่องทางเดียวเราจึงได้รวบรวมเหตุผลใหญ่ ๆ ที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรมีเว็บไซต์ของตัวเอง ดังนี้ครับ
1. เว็บไซต์ คือบ้านและหน้าร้านของเราเอง
แน่นอนว่า คนเปิดร้านทุกคน ย่อมอยากมีหน้าร้านหรือพื้นที่เป็นของตัวเอง จะดีกว่าไหมครับ มีหน้าร้านของตัวเอง ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการอะไรบ้าง ไม่ว่าจะการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงธีมของเว็บ เราทำได้เต็มที่เลย อีกอย่างคือเวลานี้ก็มีเครื่องมือทำเว็บสำเร็จที่สามารถใช้งานได้ไม่ยาก ถึงไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ทำได้ด้วยตัวเองครับ หากสนใจเครื่องมือทำเว็บไซต์สำเร็จรูป คลิก ที่นี่
2. ลูกค้าของเราค้นหาจากไหน Google หรือ โซเชียลมีเดีย
Google เป็นระบบค้นหา Search Engine อันดับหนึ่งของโลก หลายคนทราบกันดีอยู่แล้ว มีช่วงหนึ่งที่การทำเว็บไซต์ถูกมองว่าตกสมัย และร้านค้ารายย่อยทำขึ้นมาแล้วไม่คุ้ม เพราะต้องหาแอดมินมาอัพเดท อีกทั้งสมัยก่อนเครื่องมือทำเว็บสำเร็จรูปก็ยังยุ่งยากกว่าตอนนี้ ในขณะที่โซเชียลกำลังดังขึ้นมา คนใช้งาน Facebook กันทั่วโลก อีกทั้งตัว Facebook เองก็พัฒนาช่องทางที่ทำให้เราขายของออนไลน์ได้ง่าย ๆ ด้วย แต่บางครั้งเราต้องมาตีโจทย์ว่า แท้จริงแล้วลูกค้าของเรานั้นมาจากช่องทางไหนมากกว่า ลองสังเกตว่า ทำร้านขายของออนไลน์ขึ้นไว้บนเพจหรือในโซเชียล แต่คนไลค์น้อย ยอดวิวน้อย นั่นแสดงว่า อาจจะไม่ถูกกับกลุ่มเป้าหมายก็เป็นได้ครับ ที่สำคัญคือ เวลาคนต้องการค้นหาข้อมูล กัยงต้องใช้ Google เป็นอันดับแรกนั่นเอง ซึ่งในระยะยาวแล้ว เราสามารถทำ SEO หรือสร้าง Content เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาเว็บของเราได้ง่ายกว่าทำบนโซเชียลอีกด้วย
3. โซเชียลช่วยเชื่อมต่อผู้คน แต่การค้นหาก็ยังต้องเป็นเว็บไซต์
โลกโซเชียลก็มีประโยชน์ของมันเอง ถ้าเราใช้งานได้ถูกจุด และเป็นประโยชน์กับ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อย่างมากด้วย แต่เราพบว่า มีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนเลยที่ไปทุ่มให้กับหน้าร้านบนโซเชียลมาก รวมถึงทุ่มเงินสำหรับยิงแอดด้วย แต่หลายคนอาจจะลืมไปว่า ที่จริงแล้วประโยชน์สูงสุดของโซเชียลไม่ใช่การเป็นหน้าร้านครับ เป้าหมายแท้จริงของ นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ที่ทำ Facebook ขึ้นมาก็คือการเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ ในโลกได้อย่างง่าย ๆ สุดท้ายแล้ว การจะค้นหาสินค้าของคุณให้พบ ก็ยังคงต้องอาศัยเว็บไซต์เป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี อีกทั้งการค้นหาบนโซเชียลและการค้นหาเว็บไซต์ก็แตกต่างกันมาก เพราะคนเล่นโซเชียลเพื่อบริโภคข้อมูลข่าวสาร ไลพ์สไตล์ บันเทิง ไปจนถึงพูดคุยในกลุ่ม หรือเพจต่าง ๆ ที่เขาชื่นชอบ และการแชร์เรื่องราว หรือติดตามดราม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือ ถ้าจะทำให้การค้นหาบนโซเชียลมีความเข้มข้น เราต้องจ่ายเงินมากกว่าการสร้างเว็บไซต์ดี ๆ ที่จะเป็นหน้าร้านของเราขึ้นอีกเยอะมากเลยครับ
4. สามารถใช้กลยุทธ์ เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นอย่างไรก็ได้
เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่คนทำตลาดออนไลน์นิยมใช้กันมาก คือการเอาเว็บไซต์ที่เป็นหน้าร้านไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น การแชร์ลง Facebook, Line, IG แล้วแต่กลุ่มเป้าหมายของเรา วิธีนี้ได้ผลมาเยอะมากครับ เรียกว่าเป็นการใช้ช่องทางโซเชียลในการกระจาย แต่ฐานที่มั่นของอีคอมเมิร์ซ ก็ยังเป็นที่เว็บของเราเป็นหลัก
===============================================
สามารถติดตามเรา PSO ( Passive Selling Online ) ได้หลายช่องทางดังนี้
Facebook Page: passivesellingonline
LINE: @psocourse (อย่าลืมใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)